|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
ฝากช่วยคิดสักนิดหน่อย ( เพิ่ม เรขาอีก 2 ข้อ.. )
เปิดเทอมใหม่ มาลับสมองกันหน่อยนะ..
พอดีไปเยี่ยมเวปเพื่อนบ้านมา เห็นโจทย์น่ารักดี จึงรบกวนฝากมาให้ดู + เฉลยให้หน่อยนะ .. Cr. SciMania... 1. มีเลขจำนวนเต็ม ตั้งแต่ 1 ? 1500 ที่ประกอบด้วยเลข 2 แต่ไม่มีเลข 7 อยู่กี่จำนวน? 2. ในการสอบเก็บคะแนน 5 ครั้ง นักเรียนคนหนึ่ง มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 75 แต่ในภายหลัง ครูได้ตัดคะแนนครั้งที่ต่ำที่สุดออก ทำให้คะแนนเฉลี่ยกลายเป็น 85 ถามว่าคะแนนที่ตำที่สุดนั้น มีค่าเท่าใด? 3. วันที่ 25 มีนาคม 2559 ตรงกับวันอะไร? 4. เมื่อลดราคาจากที่ตั้งไว้ 10 % ยังทำให้ได้กำไรอยู่ 20 % หากโทรศัพท์มือถือ มีต้นทุน 3,000 บาท ถามว่าราคาที่ตั้งไว้ในตอนแรก เป็นเท่าใด... แถมวิทย์มาก 1 ข้อ.. 5. ที่บนยอดเขาที่สูงมากๆ หากต้องการทำให้น้ำเดือดที่ 100 องศา C ต้องทำอย่างไร 27 พฤษภาคม 2012 06:51 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ PoomVios45 |
#2
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ทุน 100 ได้เงิน 120 ทุน 3000 ได้เงิน 3600 บาท นั่นคือ หลังจากลด 10 % แล้วยังได้เงิน 3600 บาท ลด 10 % แปลว่า ตั้งราคา 100 ขายได้เงิน 90 ได้เงิน 90 ต้องตั้งราคา 100 จะให้ได้เงิน 3600 ต้องตั้งราคา $\frac{100}{90} \times 3600 = 4000 \ $ บาท
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#3
|
|||
|
|||
ปี 2559 = ค.ศ. 2016 เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน
นับจากวันที่ 26 มีนาคม 2555 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2556 มี 365 วัน นับจากวันที่ 26 มีนาคม 2556 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2557 มี 365 วัน นับจากวันที่ 26 มีนาคม 2557 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2558 มี 365 วัน นับจากวันที่ 26 มีนาคม 2558 ถึง วันที่ 25 มีนาคม 2559 มี 366 วัน จะมี (4 x 365) + 1 = 1461 วัน 1461 หารด้วย 7 เหลือเศษ 5 25 มีนาคม 2555 ตรงกับวันอาทิตย์ (นับถอยหลังจากวันนี้) ดังนั้นต้องบวกไปอีก 5 วัน จะตรงกับวัน ศุกร ตอบ วันที่ 25 มีนาคม 2559 ตรงกับวันศุกร
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#4
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
4 ครั้ง ได้คะแนนรวม = 4 x 85 = 340 คะแนน ดังนั้นคะแนนที่ตัดออกไปคือ 375 - 340 = 35 ตอบ คะแนนที่ต่ำที่สุดนั้น มีค่าเท่ากับ 35
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#5
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
1. "การเดือด" ของน้ำขึ้นกับ ความกดดันของอากาศ ยิ่งสูง ความกดดันยิ่งน้อย ไม่ถึง 100 น้ำก็เดือดแล้ว ถ้าไม่ให้เดือด ก็ต้องเพิ่มความดัน --> หิ้วหม้อต้มความดันขึ้นไปต้มน้ำ 2. "จุดเดือด" ของสสารไม่เท่ากัน เพิ่มสสารที่มีจุดเดือดสูงกว่า100 องศา(ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร) ลงไปในน้ำ น้ำก็จะไม่เดือดก่อน 100 องศา ถ้าเป็นปัญหาเชาว์ ที่บนยอดเขาที่สูงมากๆ หากต้องการทำให้น้ำเดือดที่ 100 องศา C ต้องทำอย่างไร ก็ลงจากเขา มาในที่ราบระดับน้ำทะเล
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#6
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
นอกจากนั่งนับ ยืนนับ นอนนับแล้ว ยังคิดไม่ออก (นับไปนับมา นับได้ 366 จำนวน ... ไม่รู้ถูกหรือเปล่า)
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#7
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
1.1หลัก มีเลขเดียวคือ 2 2.2หลัก เอาแบบเด็กประถมก็ต้องบอกว่า 2.1ให้เลขสองเป็นหลักหน่วย จะสร้างเลขสองหลักได้ทั้งหมด 8 จำนวน 2.2 ให้เลขสองเป็นหลักสิบ จะสร้างเลขสองหลักได้ทั้งหมด 9 จำนวน แต่มีเลขซ้ำกับ2.1 คือเลข 22 รวมสองหลักมีอยู่ 16 จำนวน 3.3หลัก เอาง่ายๆเป็น 3.1มีเลขสองสามตัว มีจำนวนเดียวคือ 222 3.2มีเลขสองสองตัว มีทั้งหมด 24+2 เท่ากับ 26 จำนวน 3.2มีเลขสอง1ตัว เท่ากับ 252+18+14+1 เท่ากับ 285 จำนวน รวมทั้งหมด 285+26+1+16+1 เท่ากับ 329 จำนวน ไม่รู้ว่าตกหล่นตรงไหนเดี๋ยวขอเช็คตัวเลขอีกรอบ
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน) |
#8
|
||||
|
||||
คุณหมอ ลองตรวจสอบย้อนกลับของเต่ละกลุ่มโดยไม่ต้องแยกกรณีคิดได้ครับ
จำนวนที่มีเลข 2 แต่ไม่มีเลข 7 = จำนวนที่แต่ละหลักไม่มีเลข 7 - จำนวนที่แต่ละหลักไม่มีเลข 2 และ ไม่มีเลข 7 เช่น จำนวนที่มี 2 หลัก = $8\times 9 - 7\times 8 = 16$ จำนวน ป.ล. ยังขาดจำนวนที่มี 4 หลัก อีกนะครับ |
#9
|
||||
|
||||
ข้อ 1 ยากมาก ๆ ถือว่าหินเลยครับ ..
ข้อสอบที่นำมา ได้ยินเสียงกระซิบว่า เป็นข้อสอบ เข้าม.1 รร. ชายล้วนครับ ... 27 พฤษภาคม 2012 06:33 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ PoomVios45 |
#10
|
||||
|
||||
ฝากเพิ่มเติมมาอีก 2 ข้อ
Cr. SciMania... ข้อที่6 . สี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กๆ มีพื้นที่ 4 ตารางหน่วย จงหาพื้นที่ ที่แรงเงาตามรูป ข้อที่ 7. สี่เหลี่ยมจตุรัส จะถูกแบ่งออกเป็นครึ่งหนึ่ง เมื่อวางซ้อนอยู่กับสามเหลี่ยมมุมฉาก ที่มีด้านประกอบมุมฉากยาวเท่ากัน ดังรูป จงหาสัดส่วนพื้นที่แรงเงา เทียบกับพื้นที่ ABC |
#11
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
__________________
"Végre nem butulok tovább" ("ในที่สุด ข้าพเจ้าก็ไม่เขลาลงอีกต่อไป") |
#12
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
สี่เหลี่ยมใน ABCD เป็นครึ่งหนึ่งของสี่เหลี่ยมใหญ่ = 32 ตารางหน่วย สามเหลี่ยม CDE เป็นครึ่งหนึ่งของสี่เหลี่ยมใน ABCD = 16 ตารางหน่วย พื้นที่แรเงา = 16 ตารางหน่วย
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#13
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
เหลือง = 2 เขียว เขียว = ชมพู สัดส่วนพื้นที่แรงเงา เทียบกับพื้นที่ ABC = 2 : 1
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#14
|
||||
|
||||
ขอบคุณครับพี่เล็ก
ผมว่านับแบบคุณPoomVios45น่าจะเป็นวิธีที่เด็กเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน) 28 พฤษภาคม 2012 15:44 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ |
#15
|
||||
|
||||
มีเด้กนักเรียนเขาคิดแบบนี้ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า ....
เลข 0-1500 แบ่งเป็นช่วงละ 100 ได้ เท่ากับ 1500/100 = 15 ช่วง ช่วง 0-100 (100 เลข) จะมีเลข 2,12,20,21,22,23,24,25,26,28,29, 32,42,52,62,82,92 = 17 ตัว แต่ช่วง 200-299 และ 1200-1299 รวม 2 ช่วง จะต้องคิดอีกแบบ ดังนั้น ช่วงแรกจึงมี 15 – 2 = 13 ช่วง เอา 13 x 17 = 221 ตัว**** ทีนี้คิดที่ช่วง 200-299 โดยเพื่อให้ง่าย เลยหาเลขที่ประกอบด้วย เลข 7 ก็คือ 207,217,227,237,247,257,267,270,271,272,273,274,275,276,277, 278,279,287,287 = 19 ตัว ดังนั้น เลขที่มี 2 แต่ไม่มี 7 ในช่วง 200-299 มีเท่ากับ 100 – 19 = 81 ตัว***** และช่วง 1200 – 1299 ก็ใช้หลักเดียวกัน จึงมีเท่ากับ 81 ตัว***** ดังนั้น จำนวนเลขที่โจทย์ถาม จึงมีทั้งหมดเท่ากับ 221 + 81 + 81 = 383 ตัว |
|
|