|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
ข้อสอบ TME ม.1 2555
ข้อสอบ TME ม.1 2555
|
#2
|
||||
|
||||
1. 14
2. 12 3. 20 4. 12 5. - 6. 11 7. 9 8. 3 9. 360 10. 65 11. 8 12. 96 13. 800 14. 480 15. 6 16. 11 17. 100 18. 505 19. - 20. 199 21. 810 22. 120 23. - 24. 48 25. 17 26. - 27. 496 28. 27 29. 15 30. 228 ข้อไหนผิดบอกด้วยนะครับ 02 กันยายน 2012 21:29 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ lekb |
#3
|
||||
|
||||
ไม่เข้าใจโจทย์ครับ รบกวนช่วยอธิบายให้หน่อย |
#4
|
|||
|
|||
ข้อ 5 น่าจะประมาณว่า ให้หาจำนวนที่
น้อยที่สุด ที่มีค่าไม่น้อยกว่าตัวประกอบของ 18 ทุกตัว ตัวประกอบขอบ 18 มี 1,2,3,6,9,18 เพราะงั้น แทนจำนวนนั้นด้วย x จะได้ว่า x < 1,2,3,6,9,18 หรือ x < 18 ค่า x ที่จะทำให้สมการไม่เป็นจริงคือ x เท่ากับหรือมากกว่า 18 ดังนั้น จำนวนนับที่น้อยที่สุด คือ 18 งงปะ 55 |
#5
|
|||
|
|||
ข้อ 19
A = -4 , B = 1 สองจุดนี้ห่างกัน 5 หน่วย ดังนั้นข้อนี้ตอบ 5 |
#6
|
|||
|
|||
ข้อ 23 แต่ละครั้งหยิบมาครั้งละ 5 แผ่น จาก 7 แผ่น แสดงว่าจะมีป้าย 2 ป้ายที่จะไม่ถูกหยิบในแต่ละครั้ง พิจารณาจำนวนเหตุการณ์ทั้งหมดจากป้ายที่จะไม่ถูกหยิบในแต่ละครั้ง จะมี (1,2)(1,3)(1,4)(1,5)(1,6)(1,7) (2,3)(2,4)(2,5)(2,6)(2,7) (3,4)(3,5)(3,6)(3,7) (4,5)(4,6)(4,7) (5,6)(5,7) (6,7) ดังนั้น จะมีเหตุการณ์ทั้งหมด 21 เหตุการณ์ ให้ผลรวมของผลบวกของจำนวนบนแผ่นป้ายที่หยิบครั้งละ 7 แผ่น (หยิบทุกแผ่น) ทุกแบบหรือทุกเหตุการณ์เท่ากับ (1+2+3+4+5+6+7)21 = 588 และ ผลบวกของผลรวมบนแผ่นป้ายที่ไม่ถูกหยิบจากทุกเหตุการณ์ เท่ากับ (1+2)+(1+3)+(1+4)+(1+5)+(1+6)+(1+7) (2+3)+(2+4)+(2+5)+(2+6)+(2+7) (3+4)+(3+5)+(3+6)+(3+7) (4+5)+(4+6)+(4+7) (5+6)+(5+7)+ (6+7) = (1x6)+(2x6)+(3x6)+(4x6)+(5x6)+(6x6) = 6(1+2+3+4+5+6) = 6(21) = 168 ดังนั้น ผลรวมของผลบวกของจำนวนบนแผ่นป้ายที่หยิบครั้งละ 5 แผ่น (ตามที่โจทย์ต้องการ) จะเท่ากับ ผลรวมของผลบวกบนแผ่นป้ายทุกเหตุการณ์ที่หยิบครั้งละ 7 แผ่น ลบออกด้วย ผลบวกของผลรวมบนแผ่นป้ายที่ไม่ถูกหยิบจากทุกเหตุการณ์ จะได้ว่า 588 - 168 = 420 ตอบ 420 จ้า สำหรับข้อ 23 04 กันยายน 2012 21:52 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ alvamar เหตุผล: พิมผิดนิดนึง .. |
#7
|
|||
|
|||
ข้อ 23 แบ่งเป็น 7C5=21 กลุ่ม ผลบวกของกลุ่มมีย่านตั้งแต่ 1+2+3+4+5=15 ถึง 3+4+5+6+7=25
ถ้าแยกตามค่าจะมี 25-15+1=11 กลุ่ม จึงมีค่าซ้ำกัน 21-11= 10 กลุ่ม สองไล่ดู ได้ผลบวก =15+16+2*(17+18)+3*(19+20+21)+2*(22+23)+24+25=420
__________________
ใช้เวลาว่างศึกษาคณิตเพื่อติวลูก นักเรียนศึกษานารี และทวีธาภิเศก http://www.facebook.com/bpataralertsiri คณิตมัธยมปลาย http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ |
#8
|
|||
|
|||
ข้อ 26
ให้ n แทนจำนวนใด ๆ ตั้งแต่ 1-100 ืn หารด้วย \frac{10}{3} นั่นคือ n คูณกับ \frac{3}{10} จำนวนที่เมื่อนำไปคูณกับ \frac{3}{10} แล้วเป็นจำนวนนับต้องหาร 10 ลงตัวเพื่อตัดทอนตัวส่วนให้หายไป ซึ่งในจำนวน 1-100 นั้น มี 10,20,30,40,50,60,70,80,90,100 ดังนั้น จำนวนที่เมื่อคูณกับ \frac{3}{10} แล้วไม่เป็นจำนวนนับนั้นคือ คือจำนวนที่มีค่าตั้งแต่ 1-100 และไม่ใช่ 10,20,30,40,50,60,70,80,90,100 ให้จำนวนเหล่านี้แทน m ดังนั้น m=1-100 และ m\not= 10,20,30,40,50,60,70,80,90,100 ตัวส่วนที่เกิดหลังจากการหาร m ทุกจำนวนสามารถเป็นได้ 3 จำนวน ได้แก่ 2,5 และ 10 (ตัวประกอบของ 10 คือ 1,2,5,10(ไม่นับ 1 เ้พราะเมื่อตัวส่วนเป็น 1 ถือว่าเป็นการหารลงตัวหรือหารแล้วผลลัพธ์เป็นจำนวนนับ)) พิจารณาตัวส่วนที่เกิดจากการหาร m ทุกจำนวน จากจำนวนที่เมื่อนำไปหาร \frac{10}{3} แล้วผลหารไม่ลงตัว ซึ่งได้แก่ 1-9 , 11-19 , 21-29 , 31-39 , 41-49 , 51-59 , 61-69 , 71-79 , 81-89 , 91-99 จาก 1-9 มีจำนวนคู่ 4 จำนวน ได้แก่ 2,4,6,8 (จำนวนเหล่านี้เมื่อนำไปคูณ \frac{3}{10} แล้ว ตัวส่วนจะมีค่าเท่ากับ 5) มีจำนวนที่หาร 5 ลงตัว 1 จำนวน ได้แก่ (จำนวนเหล่านี้เมื่อนำไปคูณ \frac{3}{10} แล้ว ตัวส่วนจะมีค่าเท่ากับ 2) และจำนวนที่เหลือ ได้แก่ 1,3,7,9 (4 จำนวน) (จำนวนเหล่านี้เมื่อนำไปคูณ \frac{3}{10} แล้ว ตัวส่วนจะมีค่าเท่ากับ 10) แสดงว่า ผลบวกของตัวส่วนที่คูณด้วย 1-9 จะเท่ากับ (4 x 5) + (1 x 2) + (4 x 10) = 20+2+40 = 62 ในทำนองเดียวกันกับ 11-19 ก็มีผลบวกของตัวส่วนเช่นเดียวกับ 1-9 ดังนั้น ผลบวกของตัวส่วนทั้งหมดที่ใช้ 1-9 , 11-19 , 21-29 , 31-39 , 41-49 , 51-59 , 61-69 , 71-79 , 81-89 , 91-99 ไปคูณ เท่ากับ 62+62+62+62+62+62+62+62+62+62 = 62(10) = 620 ดังนั้น ข้อนี้ตอบ 620 จบละครับ |
#9
|
|||
|
|||
ถ้าข้อไหนผมเขียนผิด เตือนผมด้วยนะ - -
|
#10
|
|||
|
|||
$\frac{397.6}{28.4} = 14 \ $กิโลกรัม
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#11
|
|||
|
|||
$2 \pi r = 75.36$ $r = \frac{75.36}{2 \times 3.14} = 12 \ $เซนติเมตร
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#12
|
|||
|
|||
ตอบ 10 แบบ ถ้าโจทย์เขียนว่า วิ่งจากกรุงเทพไปหาดใหญ่ ก็ตอบ 10 แบบ แต่โจทย์บอก วิ่งระหว่างกรุงเทพกับ หาดใหญ่ หมายถึง กรุงเทพไปหาดใหญ่ และหาดใหญ่มากรุงเทพด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ตอบ 20 แบบ ไม่รู้ใจกรรมการว่า ต้องการสื่อว่าวิ่งจากกรุงเทพไปหาดใหญ่ แล้วเผลอเขียนว่าวิ่งระหว่างกรุงเทพกับหาดใหญ่ หรือว่าต้องการหลอก ให้เด็กไปทางเดียว ไม่นับขากลับด้วย
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) 03 กันยายน 2012 09:32 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ banker เหตุผล: ไม่รู้ใจกรรมการ |
#13
|
||||
|
||||
คุณbankerครับ รถไฟมีไปและกลับ ไป(ขาล่อง) 10แบบ กลับ(ขาขึ้น)อีก 10 แบบ น่าจะตอบ 20แบบนะครับ
เห็นด้วยกับคุณBankerครับ และผมว่าโจทย์ชุดนี้มีหลายข้อ ที่ตีความได้หลายแบบ 03 กันยายน 2012 09:37 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ lekb เหตุผล: เพิ่มเติม |
#14
|
|||
|
|||
$A:B:C = 60 : 45 :72$ $A = 60K, \ B = 45K, \ C = 72K$ $\frac{A}{B} = \frac{60K}{45K} = \frac{\color{red}{4}}{3}$ $\frac{B}{C} = \frac{45K}{72K} = \frac{5}{\color{red}{8}}$ 4+8 = 12
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#15
|
|||
|
|||
ตัวประกอบของ 18 เท่ากับ 1, 2, 3, 6, 9, 18 ถ้า N = 19 เป็นจำนวนเฉพาะ ก็ไม่มีตัวประกอบของ 18 ที่มากกว่า N แต่ถ้า N = 18 ก็ไม่มีตัวประกอบใดของ 18 ที่มากกว่า N เช่นกัน (เท่ากับคือไม่มากกว่า) ดังนั้นข้อนี้น่าจะตอบ 18 (น้อยที่สุด)
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
หัวข้อคล้ายคลึงกัน | ||||
หัวข้อ | ผู้ตั้งหัวข้อ | ห้อง | คำตอบ | ข้อความล่าสุด |
ข้อสอบ TME ม.2 2555 | judi | ข้อสอบในโรงเรียน ม.ต้น | 67 | 18 สิงหาคม 2013 13:19 |
ฤดูแข่งแขันคณิตศาสตร์ล่ารางวัลปี 2555 เริ่มแล้ว | banker | ปัญหาคณิตศาสตร์ ประถมปลาย | 2 | 24 พฤษภาคม 2012 10:49 |
คณิตศาสตร์ เตรียมฯ ปี 2555 6/5/55 | Kaito1412 | ข้อสอบในโรงเรียน ม.ต้น | 68 | 17 พฤษภาคม 2012 10:28 |
ตัวแทนระดับชาติ 2555 | polsk133 | ข่าวคราวแวดวง ม.ปลาย | 6 | 26 เมษายน 2012 21:49 |
โจทย์เตรียมทหาร 2555 รบกวนด้วยครับ | cfcadet | ข้อสอบในโรงเรียน ม.ต้น | 4 | 20 เมษายน 2012 13:46 |
|
|