#1
|
|||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||
One Equals Zero
จะได้ว่า
นั่นคือ 1 = 0 ------------------------------ คุณรู้หรือไม่ว่า การแก้สมการ xxx3 = 3 มีความง่ายพอๆกับการแก้สมการ x3 = 3
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#2
|
|||
|
|||
ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว ตอนอินทิเกรต ๒ v du จะต้องมีค่าคงที่ C ออกมาด้วย แต่ของพี่ไม่มี ก็เลยทำให้ 1 = 0
__________________
จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง |
#3
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ใช่แล้วครับ ผิดตรงบรรทัดที่บอกว่า 1 = 0 และเกี่ยวข้องกับค่า C
โดยปกติ ในสมการที่ยังติดอยู่ในรูปของอินทิกรัล เราสามารถละการเติม C ได้ เนื่องจากเราถือว่า เมื่อหาค่าอินทิกรัลเสร็จแล้วจะมีการเพิ่ม C เข้ามาอยู่ดี แต่สำหรับปัญหาข้อนี้ หลังจากที่เรากำหนดให้ ๒f(x) dx - ๒f(x) dx = 0 ก็จะทำให้ไม่เหลืออินทิกรัลทิ้งไว้ ในตอนท้ายสุดเราจึงมักจะลืมเพิ่ม C เข้ามา ลองพิจารณาค่าของ ๒f(x) dx - ๒f(x) dx = ๒( f(x) - f(x) ) dx = ๒0 dx = 0 + C = C โดยที่ C เป็นตัวบอกความแตกต่าง ระหว่างค่าคงที่ที่เกิดขึ้น ในอินทิกรัลตัวแรก และตัวที่สองของสมการ ดังนั้นสำหรับปัญหาข้อนี้ เราจึงได้ข้อสรุปว่า
โดยมีผลต่างของค่าคงที่(C) เป็น 1 เมื่อนำผลที่ได้ไปแทนจะได้วิธีการที่ถูกต้องดังนี้
C = 1
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#4
|
|||
|
|||
ที่คุณ Top บอกว่า ๒1/x dx ของข้างซ้ายและข้างขวาไม่เท่ากัน โดยค่า C ที่ออกมา มีผลต่างกันเท่ากับ 1 นั้น เป็นความเข้าใจผิดครับ
เพราะการอินทิเกรตนั้น ถ้าหากว่าเป็นอินทิเกรตไม่จำกัดขอบเขตตัวเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเท่ากันทุกประการ เพราะเป็นฟังก์ชั่นอย่างเดียวกัน แต่ว่าสาเหตุที่ทำให้ 1 = 0 ในกรณีนี้ เกิดจากที่มาของสูตรอินทิเกรต บายพาร์ท ต่างหาก ที่ว่า [f(x)g(x)]' = f(x)g'(x) + f'(x)g(x). อินทิเกรต ทั้งสองข้าง จะได้ f(x)g(x) =๒ f(x)g'(x) dx + ๒f'(x)g(x) dx. + C จัดรูปได้ ๒ f(x)g'(x) dx = f(x)g(x)- ๒f'(x)g(x) dx +C ซึ่งตั้งแต่ตรงนี้ จะเห็นว่ามี ค่าคงที่เกิดขึ้นหนึ่งครั้ง แต่สาเหตุที่สูตรทั่วไปละไว้นั้น ก็เป็นเพราะว่าการอินทิเกรตต่อไป จะต้องมีค่าคงที่เกิดขึ้นอีกอยู่ดี จึงละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ในกรณีนี้ ค่าคงที่ที่เราลืมไปตัวนี้ นี่แหละที่เป็นปัญหา จนทำให้เกิดความสับสน และคิดว่า๒1/x dx -๒1/x dx = 1 เนื่องจากค่า C ไม่เท่ากัน ซึ่งจริงๆแล้ว คือ ๒1/x dx -๒1/x dx + C = 1 ครับ
__________________
Man can never fly as freely as a bird or swim as swiftly as a dolphin But, Man can build planes that fly higher than any birds or ships that run faster than any dolphins 15 มิถุนายน 2002 14:25 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 3 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ kerati |
#5
|
||||
|
||||
คือผมมองว่า ตราบใดก็ตามที่เรายังไม่ได้ปลดเครื่องหมายอินทิเกรตออกจนหมด เครื่องหมายอินทิเกรต ตัวที่เหลือนั้นได้รวมตัว C ของอินทิกรัลอื่นๆ ไว้เรียบร้อยแล้วครับ นั่นคือ
หาก F'(x) = f(x) , G'(x) = g(x) , H'(x) = h(x) จะได้ว่า ๒f(x) dx + ๒ g(x) dx + ๒ h(x) dx = ๒ f(x) dx + G(x) + H(x) = F(x) + ๒ g(x) dx + H(x) = F(x) + G(x) + ๒ h(x) dx = F(x) + G(x) + H(x) + C นอกจากนี้ ๒ f(x) dx - ๒ f(x) dx = ๒ ( f(x) - f(x) ) dx = ๒ 0 dx = 0 + C = C เนื่องจากผลต่างของมันเป็นค่าคงที่ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นศูนย์ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าค่าอินทิกรัลเท่ากัน เพราะถ้าเท่ากัน จะได้ผลต่างเป็นศูนย์ (นี่เป็นการตีความ จากผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้) และจาก ๒ 1/x dx - ๒ 1/x dx + C = 1 ผมมองเป็น ๒ 1/x dx - ๒ 1/x dx = 1 - C = C1 นั่นเอง ดังนั้นผมมองว่า ๒ u dv = uv - ๒ v du ได้โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่ม C เข้ามาในสมการนี้ เพราะมันได้รวมไปกับอินทิกรัลตัวอื่นแล้ว และขั้นตอนสำคัญคือ ตอนที่เราปลดอินทิกรัลตัวสุดท้ายออกมา อย่าลืมนำ C กลับเข้ามาด้วย ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. 15 มิถุนายน 2002 15:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ TOP |
|
|